[PREVIEW] เทียบฟีเจอร์ที่แตกต่างระหว่าง IPHONE 6 กับ IPHONE 5 ควรหรือไม่ที่จะอัพเกรด

[Nopphumz]

สำหรับผู้ใช้ iPhone 5 ที่กำลังเล็งๆ iPhone 6 เอาไว้อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแล้ว จะมีอะไรที่ทำให้ใช้งานได้ดีขึ้นบ้าง เพราะในเมื่อ iPhone 5 ตัวเก่า ก็อัพเดทเป็น iOS 8 ได้เหมือนกัน ดังนั้น OopsMobile จะขออาสา เปรียบเทียบฟีเจอร์ใหม่ที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 5 กับ iPhone 6 ลองดูว่ามันมากพอที่จะทำให้คุณยอมเสียตังค์เพื่ออัพเกรดขึ้นไปรึเปล่า
 
สิ่งแรกเลยที่เห็นได้ชัดคือหน้าจอและตัวเครื่องใหญ่กว่า เทียบความกว้าง iPhone 6 จะกว้างกว่า 8.4 ม.ม. ซึ่งหากตั้งค่าหน้าจอขนาดปกติ (ไม่เปิด Display Zoom) จะมีพื้นที่ระหว่างไอคอนเพิ่มขึ้น และเหลือพื้นที่ส่วนล่างให้วางไอคอนได้อีก 1 แถว

 
เทียบในส่วนของความสูงตัวเครื่อง iPhone 6 จะสูงกว่า 14.3 ม.ม. โดยมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นเป็น 4.7 นิ้ว จากเดิม iPhone 5 อยู่ที่ 4 นิ้ว

 
เมื่อจอใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าคีย์บอร์ดก็จะใหญ่ขึ้นตาม ทีนี้ปัญหาการพิมพ์พลาดไปโดนตัวอักษรอื่นก็จะลดลงไปทันที

 
หากวางเครื่องในแนวนอน คีย์บอร์ดของ iPhone 6 จะมีปุ่มเครื่องมือเพิ่มขึ้นมาให้ทั้ง 2 ข้าง เช่น ปุ่ม Undo, ปุ่มเลื่อนเคอเซอร์ เป็นต้น

 
เล่นเว็บได้สนุกยิ่งขึ้น เพราะใน 1 หน้าจอ ของ iPhone 6 จะแสดงรายละเอียดในหน้าเว็บได้มากกว่า งานนี้เพื่อนๆ จะได้อ่านข่าว อ่านบทความในเว็บ OopsMobile ได้อย่างสะใจยิ่งขึ้นเลยล่ะครับ อิอิ…

 
เนื่องจากหน้าจอ iPhone 6 ที่ยาวขึ้นกว่าเดิม จึงอาจจะทำให้การใช้งานด้วยมือเดียวไม่สะดวก เพราะนิ้วหัวแม่มือไม่สามารถก้าวถึงได้ครบทั้งหน้าจอ Apple จึงได้แก้ไขด้วยวิธีการเลื่อนหน้าจอลงมาในตำแหน่งที่นิ้วหัวแม่มือเอื้อมถึง เพียงแตะเบาๆ 2 ครั้งติดกันบนปุ่มโฮม (ไม่ใช่กดนะครับ) หน้าจอก็จะเลื่อนลงมาข้างล่างดังรูปถัดไป

 
เห็นมั้ยครับว่าเราจะสามารถแตะช่อง URL ได้โดยไม่ต้องเลื่อนมือขึ้นไปข้างบนให้ยุ่งยาก และหากไม่ได้แตะอะไร สักพักมันก็จะเด้งกลับขึ้นไปเองอัตโนมัติ

 
เวลาเลือกโหลดแอพ ใน App Store ก็จะเห็นรูปพรีวิวตัวอย่างแอพได้เต็มหน้าจอในหน้าแรกทันที ไม่ต้องมาเลื่อนดูอีกที

 
เล่น Facebook ได้ฟินกว่าแน่นอน ทั้งรูป ทั้งคอมเม้นท์ ก็ใหญ่สะใจ โดยเฉพาะวัย สว. คงจะถูกใจมิใช่น้อย

 
เมื่อลากแถบ Control Center ขึ้นมาจากด้านล่าง โดยส่วนตัวผมว่า iPhone 6 ดูโล่งตากว่า ไม่อึดอัดเหมือน iPhone 5 ที่เปิดขึ้นมาแล้วแถบจะมิดหน้าจอไปเลย

 
อีกสิ่งหนึ่งที่มาพร้อม iPhone 6 คือฟังก์ชั่น Display Zoom ที่สามารถขยายสเกลของไอคอนแอพและหน้าจอทั้งหมดให้ใหญ่ขึ้นในอัตราส่วนที่พอดีกับหน้าจอ 4.7 นิ้ว

 
เมื่อเปิดใช้งาน Display Zoom ไอคอนก็จะขยายขึ้นเต็มพื้นที่ใน 1 หน้าจอเลย

 
ลองใช้งานใน Safari ขนาดฟอนต์ก็จะใหญ่ขึ้นตามมาด้วย

 
iPhone 6 รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-mo หรือการถ่ายภาพแบบสโลว์โมชั่น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีมาตั้งแต่ iPhone 5s แล้ว ถึงแม้ว่า iPhone 5 จะอัพเดทเป็น iOS 8 ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถถ่ายภาพในโหมดนี้ได้อยู่ดี

ใน iPhone 6 จะมาพร้อมชิปอีกตัวหนึ่งที่เป็น Motion เซนเซอร์ ซึ่งสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวในแนวดิ่งได้ ซึ่งเอาไว้ใช้กับแอพแนว Sport ไว้ตรวจจับความสูงเวลาเราปีนเขา เป็นต้น และอาจจะมีแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่นำเอาความสามารถจากเซนเซอร์ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ได้มากยิ่งขึ้น

 
ใครที่ติดซีรีส์เกาหลี หรือชอบดู YouTube ขอบอกว่ามันจะทำให้คุณชมคลิปวิดีโอได้อย่างเต็มตา สะใจยิ่งขึ้น เดี๋ยวขอตัวไปดู Hormones 2 ก่อนนะครับ อิอิ

นอกจากฟีเจอร์การใช้งานที่แตกต่างแล้ว ขอแถมท้ายเรื่องของฮาร์ดแวร์ภายนอกสักนิด โดยเฉพาะตัวเลนส์ที่กล้องหลังจะมีขอบนูนๆ ออกมาจากตัวบอดี้หนาประมาณ 1 ม.ม. ซึ่งจุดนี้อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของ iPhone 6 เลยก็ได้ เพราะอาจจะโดนขีดข่วนได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าทุกคนจะหาเคสมาใส่อยู่แล้ว ฉะนั้นก็น่าจะตัดปัญหานี้ไปได้เลย

 
ช่องไมค์ของ iPhone 6 ที่อยู่ติดกับช่องเสียบหูฟังนั้น จะเหลือเพียงรูเดียว จากแต่ก่อนจะทำเป็นช่องตระแกรงเหมือนลำโพงสปีกเกอร์

 
ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มปิดเสียง จะอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่เรียวยาวไปตามความบางของตัวเครื่อง

 
 
และนี้คือข้อแตกต่างระหว่าง iPhone 6 กับ iPhone 5 ในแง่ของฟีเจอร์การใช้งานที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตอบสนองกับการใช้งานหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และหากถามเรื่องความเร็วในการใช้งานแน่นอนว่า iPhone 6 จะลื่นไหลกว่า เพราะด้วยสเปกที่เหนือกว่า iPhone 5 ไปถึง 2 รุ่น ฉะนั้นหากพิจารณาตามจุดที่แตกต่างดังกล่าวข้างต้น แล้วมันสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ก็เตรียมรอวันวางขายในเมืองไทยได้เลยครับ